หลายๆคน คงคุ้นหูกับประโยคที่ว่า “เลนส์บลูออโต้” หรือ “เลนส์ตัดแสงสีฟ้า+ออกแดดเปลี่ยนสี” วันนี้เราจะมาทำความรู้จักแสงสีฟ้าที่ทุกคนได้ยินนั้นอันตรายแค่ไหน และมีข้อดีอย่างไร รวมถึงกลไกของเลนส์เปลี่ยนสี เราไปอ่านบทความกันเลยดีกว่าค่ะ
แสงสีฟ้า (Blue light)
แสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic radiation) แสงสีฟ้าที่ตามองเห็นนั้น มาจากแสงขาวช่วง Visible spectrum ที่ตามองเห็นได้ โดยแสงขาวก็จะแบ่งออกเป็นแสงสีรุ้ง ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง ตามลำดับตามความยาวคลื่น จะเห็นว่าแสงที่ตามองเห็นได้จะอยู่ในช่วงสีม่วง ความยาวคลื่น 380 นาโนเมตร ไปจนถึงช่วงสีแดง ความยาวคลื่น 700 นาโนเมตร โดยแสงที่ความยาวคลื่นสั้น จะมีความถี่และพลังงานที่สูงกว่า จากภาพจะเห็นว่าสีม่วงน้ำเงินจะมีความยาวคลื่นสั้น ติดกับรังสี UV (Ultraviolet) ส่วนสีแดงเป็นต้นไป จะเป็นแสงช่วงความยาวคลื่นยาว ความถี่ต่ำ จำพวกรังสีอินฟาเรด คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ
แสงสีฟ้าที่ร่างกายได้รับส่วนใหญ่มาจากแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน ถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะสม แสงสีฟ้าจะมีประโยชน์ช่วยควบคุมนาฬิกาชีวิต ให้เป็นไปอย่างสมดุล ควบคุมวงจรการหลับ การตื่น และระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์ให้มีสุขภาพแข็งแรง
แต่ในปัจจุบันด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สะดวกสบายมากขึ้น ทำให้แสงสีฟ้าที่ดวงตาได้รับนอกจากแสงอาทิตย์ในเวลากลางวันแล้ว ยังมีแสงสีฟ้าจากแสงฟลูออเรสเซ้นท์ และแสงจากหลอดไฟ LED ที่เราพบได้จากหน้าจอมือถือ แทบเลต โน๊ตบุ้ค และเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ ที่ปล่อยคลื่นแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายสู่ดวงตาของเรา แล้วยิ่งในปัจจุบันคนเราใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอแทบจะ 24 ชั่วโมง แสงเหล่านี้นอกจากจะไปทำลายสมดุลนาฬิกาชีวิต วงจรการหลับการตื่น แล้วยังทำให้เรามีอาการตาล้า เหนื่อย อ่อนเพลีย ในเวลากลางวัน
แสงสีฟ้าจะเป็นแสงช่วงความยาวคลื่น 380-500 นาโนเมตร แบ่งออกเป็น 2 ช่วงคลื่นใหญ่ๆ ได้แก่
1. แสงสีฟ้าอมม่วง หรือ Blue-violet light เป็นคลื่นแสงช่วง 380-450 นาโนเมตร
2.แสงสีฟ้าอมเขียว หรือ blue-turquoise light เป็นคลื่นแสงช่วง 450-500 นาโนเมตร
โดยแสงสีฟ้าช่วงความยาวคลื่น 380-500 นาโนเมตร หากแบ่ง 1 ใน 3 ส่วน จะเป็นแสงสีฟ้าที่ให้พลังงานสูง (High energy visible หรือ HEV) ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ดังนั้นไม่ใช่แสงสีฟ้าทั้งหมดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา แต่แสงสีฟ้ายังมีประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมวงจรการหลับการตื่นอีกด้วย
หลายงานวิจัยกล่าวว่า หากได้รับแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายเข้าสู่ดวงตาเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการตาล้า และเสี่ยงจะเป็นโรคต้อกระจก และโรคจอประสาทตาเสื่อมได้เร็วกว่าปกติ
เลนส์บลูตัดแสงสีฟ้า (Blue block lenses )
ภาพแว่นตาเลนส์บลู
เลนส์บลูตัดแสงสีฟ้า มีออกมาหลายบริษัทเลนส์ คุณสมบัติจะคล้ายกันด้วยการเป็น Filter กรองแสงสีฟ้า หรืออยู่ในเนื้อเลนส์ ซึ่งจะทำให้เลนส์มีสีออกเหลือง เพื่อตัดแสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือ หลายๆคนไม่ชอบเลนส์บลู เพราะเมื่อใส่แล้วทำให้เห็นสีเพี้ยนไป สีจะออกเหลืองเกินไป ในปัจจุบันจะมีเลนส์บลูที่ตัดแสงสีฟ้าได้ และเลนส์ดูเหลืองน้อยลงมาเป็นทางเลือกการสวมใส่
แต่อย่างไรก็ตาม การไม่อยู่กับหน้าจอนานๆ พักสายตาเป็นระยะ มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้มือถือ แทบเลต โน๊ตบุ้ค ให้น้อยลง ไม่เล่นมือถือก่อนนอน ในที่ที่มีแสงสว่างน้อย ก็จะเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันดวงตาได้ในระยะยาว
เลนส์ออโต้ออกแดดเปลี่ยนสี (Photochromic lenses)
ภาพเลนส์ออกแดดเปลี่ยนสี1
เลนส์ออโต้เปลี่ยนสีเมื่อออกแดด เลนส์นี้จะมีการเคลือบสารที่จะตอบสนองต่อความเข้มของปริมาณรังสี UV ดังนั้นเมื่อใส่แว่นเลนส์ออโต้อยู่ในร่ม เลนส์จะใส พอออกแดดจะเปลี่ยนสีเป็นสีที่เราเลือก หลักๆก็จะมีสีเทา (Grey) สีน้ำตาล (Brown) และสีเขียว (Green) หรืออื่นๆ ในปัจจุบันก็มีการเพิ่มสีที่หลากหลายขึ้นตามไลฟ์สไตล์ ความเข้มของสีที่เปลี่ยนเมื่ออยู่กลางแดดให้เข้มขึ้น หรือแม้กระทั่งอยู่ในรถก็เปลี่ยนสีได้ แม้ในที่ที่มีปริมาณรังสี UV น้อย คุณสมบัติป้องกันรังสี UV ได้เหมือนแว่นกันแดด ที่ช่วยให้สบายตาเมื่ออยู่กลางแจ้ง
เลนส์ออโต้บลู (Auto blue lenses)
ภาพเลนส์ออกแดดเปลี่ยนสี2
เลนส์ออโต้บลู (Auto blue) จะเป็นการนำคุณสมบัติของเลนส์บลูบล็อก และเลนส์ออโต้เปลี่ยนสีมารวมกัน เราสามารถใส่แว่นที่ตัดเลนส์ออโต้บลูกรองแสงสีฟ้าจากการทำงานคอมพิวเตอร์ หรือเล่นมือถือ ในร่มโดยที่เลนส์ยังใส และเมื่อเราทำกิจกรรมกลางแจ้ง เราไม่ต้องหยี่ตา เลนส์นี้จะเปลี่ยนจากใสเป็นสี คุณสมบัติคล้ายแว่นกันแดด ป้องกันรังสี UV ไปในตัว ทำให้เรามองได้สบายตามากขึ้น เสมือนเป็นแว่น 2 in 1 สำหรับคนที่ชอบพกแว่นอันเดียวก็จะสะดวกสบายมากขึ้น
อาจารีย์ รัตนหาญ, นักทัศนมาตร